การจัดห้องพระอย่างเหมาะสม นอกจากจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสงบสุขแล้ว การผสมผสานด้วยหลักของฮวงจุ้ย ยังสามารถส่งเสริมให้คนในบ้านมีบารมี และได้รับโชคลาภอีกด้วย
การมีห้องพระภายในบ้าน น่าจะเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทว่าในปัจจุบันหลายคนมักละเลยกับการจัดห้องพระ เช่น ในบางบ้านนำห้องพระ มาใช้เป็นห้องเก็บของ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าใดนัก และการจัดห้องพระ ไม่ใช้แค่การตั้งที่บูชาพระเพียงอย่างเดียว เจ้าของบ้านควรคำนึงถึงตำแหน่ง และขนาดของห้องพระ เพื่อให้สมาชิกภายในบ้าน สามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้จิตใจผ่องใส และสงบนิ่งอย่างแท้จริง
นอกจากการเลือกตำแหน่งของห้องพระภายในบ้านแล้ว การจัดวางสิ่งของภายในห้องพระ ยังสามารถใช้หลักของฮวงจุ้ย เพื่อเสริมให้บ้านที่อยู่อาศัย มีความสงบ ร่มเย็น รวมถึงเจ้าบ้านเอง อาจได้รับโชคลาภ หรือเจอพบแต่สิ่งดี ๆ ได้เช่นกัน และเพื่อให้ได้ห้องพระที่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย วันนี้ทิพย์นิรมิตได้รวบรวมสาระดีๆเกี่ยวกับการตั้งหิ้งพระมาฝากกันคะ
การจัดตั้งหิ้งพระ
การจัดตั้งหิ้งพระหรือหิ้งเทพ ควรหันหน้าพระประธานไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ทิศอิสาน เรียกว่า "ทิศเศรษฐี"หรือ ทิศตะวันออก หรือ ทิศเหนือ เป็นที่นิยมมาก เมื่อเราหันหน้าไปหาพระประธาน ด้านซ้ายมือของเราหรือเท่ากับด้านขวามือของพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานควรจัดตั้งด้วยองค์พระสงฆ์ เช่น รูปปั้นของหลวงปู่แหวน รูปหลวงพ่อคูณ ส่วนทางด้านซ้ายขององค์พระประธานหรือขวามือของเรา ควรจะเป็นการตั้งรูปแบบของ องค์เทพต่างๆ ที่เราเคารพสักการะบูชา เช่น รูปของ องค์พระศิวะ องค์พระนารายณ์ องค์จตุคามรามเทพ และ องค์พระพรหมรูปพ่อแก่ฤาษี เป็นต้น
ควรตั้งให้องค์พระประธานดูสูงกว่ารูปขององค์เทพต่างๆ ถ้าหากว่าองค์พระประธานมีขนาดเล็กกว่าองค์เทพ ก็ควรจัดหาโต๊ะที่ตั้งแล้วมองดูสูงกว่าฐานที่ตั้งเทพ บ้านเรือนหลังนั้นก็จะเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุข
ไม่ควรหันหน้าพระประธานตรงกับแสงพระอาทิตย์ที่ส่องเข้ามา (ทิศตะวันออก) ไม่ให้หันหน้าสู่ตะวันตก ถ้าหากมีตำราพระธรรมให้ตั้งทางขวาของพระพุทธหรือพระประธาน
การอัญเชิญพระเข้าบ้าน
นิยมมหาฤกษ์ดี วันพุธ วันพฤหัส หรือก็วันศุกร์ ฤกษ์ดี มักเป็นเวลา 9:09, 9:19 หรือ 9:29 หรือบางคนจะเริ่มเช้าตรู่เลยก็ได้ หรือก็หาฤกษ์สะดวกแล้วแต่ แต่ห้ามเชิญพระหลังเพลเด็ดขาด เมื่อได้ฤกษ์ ให้เจ้าบ้านอุ้มอัญเชิญพระประธานเข้าประตูบ้านแล้วตั้งไว้บนหิ้งพระที่เตรียมไว้ นำเครื่องบูชา ขันห้า มาถวายหน้าพระประธานแล้วจุดธูป บูชาพระและขอพรให้ท่านปกป้องคุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขแคล้วคราดปลอดภัย
การเตรียมขันห้าถวายพระ
เทียน ห้าเล่ม
ธูป ห้าดอก
เหรียญบาท ห้าเหรียญ
ดอกไม้ ห้าดอก
ผลไม้ห้าอย่าง รวมในหนึ่งจานเล็ก จะอย่างละลูกก็ได้ หรือจะใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ห้าชนิดก็ได้ จะได้มีแต่ความงอกงาม ถ้าเป็นคู่รักก็ใช้น้ำตาล ชีวิตคู่จะได้หวานชื่น
วางขันห้าไว้หน้าพระพุทธแล้วจุดธูปบูชาต่างหากสามดอกอย่าใช้ธูปในขันห้านั้น เท่านี้ก็เสร็จพิธี ตั้งทิ้งไว้ทั้งวัน บางคนก็ทิ้งไว้ สามหรือเจ็ดวันก็ได้
***********************
ขั้นพื้นฐานต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้งก่อน เจ้าบ้านเกิดปีอะไร และเป็นมุมสงบที่สุดเท่าที่จะหาได้
ข้อห้ามหลักๆ ที่ห้ามตั้งหิ้งพระ
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาที่หันหน้าพระออกทางประตูโดยตรง
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาไว้เหนือขอบประตูโดยเด็ดขาด
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาไว้ตรงข้ามประตูห้องส้วม, ห้องครัว
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาไว้ในห้องนอน โดยเฉพาะที่มีชายหญิงอยู่เป็นคู่
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาสูงสุดมือเอื้อม ควรให้พ้นหัวของเจ้าบ้าน
ห้าม ตั้งหิ้งบูชาไว้ใต้คานใต้บรรไดโดยเด็ดขาด
มาดูหลักและรายละเอียด ว่าคนที่เกิดปีอะไร แล้วห้ามตั้งหิ้งบูชาไว้ทิศไหน?
การตั้งองค์พระตามหลักฮวงจุ้ย
เมื่อสามารถกำหนดตำแหน่งของห้องพระที่เหมาะสมได้แล้ว การเลือกตำแหน่งตั้งพระพุทธรูปตามหลักฮวงจุ้ย ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยทิศที่เหมาะสมในการตั้งพระพุทธรูป ได้แก่ ทิศเหนือ และทิศตะวันออก ซึ่งจะช่วยเสริมดวงชะตา และนำโชคลาภ มาสู่ผู้อยู่อาศัย โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศเศรษฐี หากประกอบการงาน ทำมา ค้าขาย ใด ๆ ก็จะเจริญร่ำรวย ยิ่ง ๆ ขึ้น
2. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออก : ทิศนี้เป็นทิศราชา จะประกอบการงานใด ๆ ก็จะเจริญ ใหญ่โต สมความตั้งใจทุกประการ
3. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ทิศนี้เป็นทิศปฐม นับว่าเป็นทิศที่ไม่เหมาะสมกับการตั้งพระ เนื่องจากทำอะไรจะไม่ค่อยเจริญ ลาภผลตกต่ำ และแค่พอมีพอใช้
4. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศใต้ : ทิศนี้เป็นทิศจัณฑาล โดยทำงานอะไรก็จะติดขัด ยากลำบาก หากมีการลงทุน ก็มักได้ผลประโยชน์ไม่ค่อยคุ้มค่า
5. ตั้งพระให้หันไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : ทิศนี้เป็นทิศวิปะฏิสาร งานการที่ทำจะมีแต่ความเดือดร้อนยุ่งยาก ซ้ำยังมีผลกระทบมาสู่ครอบครัว รวมทั้งเพื่อนบ้าน
6. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันตก : ทิศนี้เป็นทิศกาลกิณี ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ก็จะมีแต่ความเกิดลังเลใจ ไม่เป็นมงคล อาจเกิดภัยอันตรายร้ายแรงกับคนภายในบ้าน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงทิศนี้อย่างเด็ดขาด
7. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศอุทธัจจะ จะทำงานสิ่งใด ผลงานก็ไม่แน่นอน จับจด รวนเร ไม่ได้ผล
8. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศมัชฌิมาปฏิปทา จะทำงานใด ๆ ผลงานจะอยู่ในเกณฑ์พอปานกลาง ไม่ดีไม่ร้าย
นอกจากนี้ คนที่เกิดในแต่ละปี ก็มีทิศต้องห้ามในการตั้งพระด้วย ดังนี้
1. เจ้าของบ้านเกิดปีชวด ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง จนถึงขั้นเสียชีวิต
2. เจ้าของบ้านเกิดปีฉลู ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดการเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน
3. เจ้าของบ้านเกิดปีขาล ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้ผู้หญิง และสมาชิกในครอบครัว เกิดอันตรายได้
4. เจ้าของบ้านเกิดปีเถาะ ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง คนในบ้านจะเสียชีวิต
5. เจ้าของบ้านเกิดปีมะโรง ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้คนในบ้านเกิดการเสียหาย ทั้งชายและหญิง
6. เจ้าของบ้านเกิดปีมะเส็ง ห้ามตั้งหิ้งพระบูชา หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้คนในครอบครัว มีความยุ่งยากที่สุด จนหาความสงบสุขไม่ได้
7. เจ้าของบ้านเกิดปีมะเมีย ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศใต้ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องราวอัปมงคลขึ้นภายในบ้าน
8. เจ้าของบ้านเกิดปีมะแม ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพราะจะส่งผลให้ครอบครัวเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้
9. เจ้าของบ้านเกิดปีวอก ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ กับสมาชิกเพศชายในครอบครัว
10. เจ้าของบ้านเกิดปีระกา ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เพราะจะส่งผลให้ทุกข์โศกมาเยือนครอบครัวจนต้องร้องไห้อยู่เสมอ
11. เจ้าของบ้านเกิดปีจอ ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลร้ายให้สมาชิกในครอบครัวอย่างมากถึงขั้นเสียชีวิตได้
12. เจ้าของบ้านเกิดปีกุน ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ในครอบครัวอยู่ตลอด อาจต้องมีการเสียเงินเสียทอง หรือขึ้นโรงขึ้นศาล
การจัดหิ้งบูชาตามหลักฮวงจุ้ย
ในการจัดหิ้งบูชาก็ต้องดูให้เหมาะสมกับดวงชะตาเช่นกัน และจะต้องดูแลให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะหากดูแลไม่ดีแล้ว สิ่งที่เป็นสิริมงคลของบ้าน ก็อาจกลายเป็นสิ่งอัปมงคลได้เช่นกัน โดยวิธีการจัดหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
1. หิ้งบูชาต้องสะอาดอยู่เสมอ หากปล่อยให้หิ้งบูชาสกปรก คนในบ้านจะเจ็บป่วย และทำมาค้าไม่ขึ้น ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำเปล่า และดอกไม้สดที่บูชาเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ดอกไม้แห้งเฉาคาที่ เพราะจะทำให้คนในบ้านมีชีวิตที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก
2. หิ้งพระต้องไม่อยู่เหนือประตูซึ่งเป็นช่องทางเดินเข้า-ออก ถ้าจัดตั้งหิ้งพระในมุมที่พลุกพล่าน คนในบ้านจะมีแต่ความวุ่นวาย
3. หิ้งบูชาพระไม่ควรหันหน้าตรงกับประตูห้องน้ำ หรือห้องครัว มิเช่นนั้นคนในบ้านจะเจ็บป่วย มีแต่เรื่องขัดแย้ง เงินทองรั่วไหล
4. ถ้าพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโด ควรตั้งหิ้งพระให้สูงกว่าระดับศีรษะ เพราะหากตั้งหิ้งพระต่ำกว่าศีรษะ จะทำให้คนในบ้านไม่เจริญก้าวหน้า อาชีพการงานเติบโตช้า และจะถูกลดตำแหน่งงานลง
5. หากตั้งหิ้งบูชาขนาดใหญ่ จำนวนองค์พระหรือองค์เทพบนหิ้งควรมีจำนวนเป็นเลขคี่ เช่น 1,3,5,7,9 องค์ ทั้งหลักฮวงจุ้ย และความเชื่อของไทยก็ล้วนระบุว่าไม่นิยมให้เป็นจำนวนเลขคู่
6. ไม่ตั้งหิ้งบูชาไว้ใต้คาน มิเช่นนั้นดวงชะตาคนในบ้านจะถูกกดทับ ทำให้เจริญรุ่งเรืองยาก และมักมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เสมอ
7. ไม่ควรมองเห็นหิ้งพระได้จากนอกบ้าน เพราะจะถือว่าการตั้งหิ้งพระไม่อยู่ในมุมสงบ หรือเป็นสัดส่วน แต่ถ้าเป็นร้านที่ประกอบธุรกิจค้าขายถือว่าไม่เป็นไร
การจัดหิ้งเทพ
ไม่ควรนำมาวางรวมกันหรือวางสะเปะสะปะ ถ้ามีพื้นที่ก็ควรแยกหิ้ง ถ้าไม่มีพื้นที่ก็ควรที่จะวางต่ำกว่าองค์พระพุทธรูป เพราะศิลของพระจะสูงกว่าเทพ
หิ้งเจ้าแม่กวนอิม ควรตั้งบนหิ้งและไม่หันหน้าไปตรงกับโต๊ะอาหาร เพราะเจ้าแม่กวนอิมละเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ จึงควรละเว้นการเผชิญหน้ากับโต๊ะอาหารคะ
หิ้งพระสังขจายน์หรือพระยิ้ม สามารถหันเข้าหาห้องรับแขกหรือโต๊ะอาหารได้เพราะหมายถึงความอุดมสมบูรณ์และโชคดีมีชัยคะ
สุดท้ายแล้ว ฤกษ์สะดวก คือฤกษ์ที่ดีที่สุดนะคะ
บทความอ้างอิงจาก: หนังสือโหรามหาเวทย์,ฮวงจุ๊ยกระปุก
เรียบเรียงโดย: ทิพย์นิรมิต